สถิติ

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2556

คนรัก SR 400 พี่ๆน้องผมเองครับ


แฟ้มสะสมผลงาน


ชื่ออาร์มครับ
คนรัก SR 400 
เข้ามาทำความรู้จักกันด้วยนะครับ

ข้อมูลทางเทคนิคของ SR 400

 ข้อมูลทางเทคนิคของ SR 400
เครื่องยนต์แบบ Single สูบเดียว 4จังหวะ โอเวอร์เฮดวาล์ว(OHC) 2 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
รหัสเครื่องยนต์ 2H6 (ไม่มีเลขต่อ)/ปี1996-2000 2H6 xxxxxx (มีเลข6หลัก)/ปี 2001 ถึงปัจจุบัน H313E
xxxxxx 
ความจุกระบอกสูบเท่ากับ 399cc.
ความกว้างกระบอกสูบxความยาวช่วงชักเท่ากับ 87.0x67.2
อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 8.5 : 1 
แรงม้าที่มีมาให้ใช้ 27 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 7,000 รอบต่อนาที
แรงบิด 3.00 กิโลกรัมเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง คาร์บูเรเทอร์
ระบบตัดต่อกำลังแบบ คลัทช์แบบเปียก 8 แผ่นซ้อน
ส่งกำลังผ่าน โซ่และสเตอร์
ระบบจุดระเบิดแบบ CDI
ระบบเบรคหน้า ดรัมเบรค/ดิสเบรค (แล้วแต่รุ่นปี) 
ระบบเบรคหลัง ดรัมเบรค 

- ข้อมูลทางเทคนิคของ SR 500
เครื่องยนต์แบบ Single สูบเดียว 4จังหวะ โอเวอร์เฮดวาล์ว(OHC) 2 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
รหัสเครื่องยนต์ 2J2 
ความจุกระบอกสูบเท่ากับ 499cc.
ความกว้างกระบอกสูบxความยาวช่วงชักเท่ากับ 87.0x84.0
อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 
แรงม้าที่มีมาให้ใช้ 32 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,500 รอบต่อนาที
แรงบิด 3.70 กิโลกรัมเมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง คาร์บูเรเทอร์
ระบบตัดต่อกำลังแบบ คลัทช์แบบเปียก 8 แผ่นซ้อน
ส่งกำลังผ่าน โซ่และสเตอร์
ระบบจุดระเบิดแบบ CDI
ระบบเบรคหน้า ดรัมเบรค/ดิสเบรค (แล้วแต่รุ่นปี) 
ระบบเบรคหลัง ดรัมเบรค 

- ปี1978 
เปิดไลน์การผลิต ด้วยดีไซน์ ถังน้ำมันแบบเรียวยาวและฝาถังยาว โลโก้ข้างถังเป็นแบบสติ๊กเกอร์
เป็นตัวอักษรคำว่า YAMAHA ตัวใหญ่ แบบเรียบ(ลายถังของ400และ500ไม่เหมือนกัน)
ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบเรียบเช่นกัน โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกัน
ปีแรกมีการผลิตรุ่น400และ500cc. ระบบเบรกหน้าเป็นแบบ ดิสค์เบรค โดยอยู่ด้านซ้ายของวงล้อหน้า
ไมล์หน้าดำเข็มเหลืองมีตุ่มไฟสีส้มที่กะโหลกไฟหน้า(ไ ม่รู้ว่าใช้บอกอะไร) เท่าที่ดูจากแคตตาล็อค
400มีฝาหลัง(หลังเบาะ)ส่วน500ไม่มีแต่จะมีมือจับเหล็ กสำหรับคนซ้อนจับแทน SR400
ใช้คาร์บูเรทอร์แบบลูกชัก ส่วน SR500 ใช้คาร์บูเรทอร์แบบลูกชักมีเจ็ทสเปรย์


- ปี1979
ปีนี้ YAMAHA ผลิตเฉพาะรุ่น 400/500SP เท่านั้น คือเป็นรุ่นล้อแม็กซ์ 7 ก้าน
โดยลักษณะของถังน้ำมัน,ฝาถังและโลโก้ข้างถังยังเป็นแ บบเดิมแตกต่างที่สีสันและลวดลายถัง
ส่วนโลโก้ฝาข้างที่เป็นแบบเรียบเหมือนเดิม แต่ตัวอักษร จะเป็น SR400/500SP โดย คำว่า SR จะอยู่เหนือ
คำว่า 400SPรุ่นนี้มีทั้งมือจับและฝาท้ายมาให้ทั้ง2รุ่น ส่วนระบบเบรกหน้ายังเป็นเหมือนเดิม
ไมล์หน้าดำเข็มเหลือง ตรงกลางระหว่างวัดความเร็วและวัดรอบจะคั่นด้วยแผงไฟบ
อกตำแหน่งเกียร์ว่างและไฟเลี้ยว

- ปี1982
ต้องขอบอกว่าในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ลักษณะของถังน้ำมัน,ฝาถังและโลโก้ข้างถังยังเป็นแบบเ ดิม
และลวดลายถังก้อยังเหมือนกับปี79 แต่ปีนี้ผลิตแต่รุ่น400 ออกมาใหม่เท่านั้น (ไม่มีรุ่น500)
ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบเรียบเหมือนเดิม โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกันเหมือนปี78
ระบบเบรคหน้ายังเป็นดิสค์เหมือนเดิมเช่นกัน ปีนี้ไม่มีฝาหลังมีแต่มือจับ
แผงไฟทับทิมสีส้มที่บริเวณด้านข้างของแผงคอล่างจะมีต ั้งแต่ปี78จนถึงปีนี้

- ปี1983
ปีนี้ YAMAHA ผลิตทั้ง400และ500ทั้งรุ่นธรรมดาและรุ่น SP โดยลักษณะของถังน้ำมันและฝาถังยังเป็นแบบเดิม
แต่โลโก้ข้างถังเป็นแบบตัวอักษร YAMAHA ตัวนูนใหญ่มาแทนสติ๊กเกอร์แบบเรียบ และลวดลายถังใหม่
โลโก้ฝาข้างแบบเดิมคือสติ๊กเกอร์แบบเรียบ โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกัน ส่วนรุ่นSP
ตัวอักษร จะเป็น SR400/500SP โดย คำว่า SR จะอยู่เหนือ คำว่า 400SP
ไมล์รุ่นเดิมแบบมีแผงไฟกั้นตรงกลางระหว่างวัดรอบและว ัดความเร็ว
และตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปไม่มีแผงทับทิมสีส้มที่บริเ วณด้านข้างของแผงคอล่างแล้ว และไม่ผลิตรุ่นSP
อีกแล้วจะเห็นได้ว่ารุ่นล้อแม็กซ์มีแค่ 2 ปีเท่านั้นคือ ปี1979 และ 1983
รุ่นล้อแม็กซ์จึงเป็นรุ่นนึงที่น่าสะสม

- ปี1984
ปีนี้ผลิตรุ่น400อย่างเดียว ถังน้ำมันและฝาถังแบบเดิม โลโก้แบบใหม่คือเป็นโลโก้สัญลักษณ์ของ YAMAHA คือ
ส้อมเสียบ อยู่เหนือตัวอักษร YAMAHA ตัวเล็ก แบบตัวพลาสติกนูน ลายถังแบบใหม่ ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบ
ตัวอักษร SR อยู่เหนือตัวเลข 400 ไมล์ยังคงเป็นแบบเดิม
และตั้งแต่ปี78จนถึงปีนี้ใช้ยางปิดที่หัวกระบอกโช๊ค ไม่มียางกันฝุ่นแบบเป็นข้อๆที่ยาวจากแผงคอล่างลงมาปิ
ดที่กระบอกโช๊คแบบที่เราเห็นได้บ่อยในรถที่เข้ามาในบ ้านเรา

- ปี1985
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น400และ500 มีข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือเปลี่ยนระบบเบรกห
น้าเป็นแบบดรัมเบรค(เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป) และไมล์เปลี่ยนเป็นแบบหน้าขาว(เห็นได้เยอะมากในบ้านเ
รา) ลวดลายถังแบบใหม่มียางกันฝุ่นแบบเป็นข้อๆที่ยาวจากแผ
งคอล่างลงมาปิดที่กระบอกโช๊คเริ่มใช้ตั้งแต่ปีนี้ ส่วนถังและฝาถังยังคงเป็นแบบเดิม

- ปี1988
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น400และ500 แต่ออกถังน้ำมันรุ่นใหม่คือถังน้ำมันจะอวบอ้วนขึ้นแล
ะฝาถังเป็นแบบหอยเชลล์และคาร์บูเรเทอร์แบบผ้าปั๊มได้ เริ่มใช้ตั้งแต่ปีนี้ลวดลายถังเหมือนปี1985
แต่ต่างกันที่ลายฝาท้ายไม่เหมือนกัน

- ปี1991
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น400และ500 อีกเช่นกันทุกอย่างแทบจะเหมือนกับปี1988
มีจุดที่แตกต่างกันคือโลโก้ถังน้ำมันจะเป็นสัญลักษณ์ ของYAMAHA
คือส้อมเสียบเท่านั้นเป็นแบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันแล ะส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบตัวอักษรSR
อยู่บนเยื้องกับตัวเลข 400โดยมีหางของตัวอักษรR มาพาดทับตัวเลข400


- ปี1992
ปีนี้เป็นปีแรกที่YAMAHA ทำรุ่นSPECIAL EDITION คือรุ่น400S และ 500S
รุ่นพิเศษนี้เห็นได้ชัดที่สุดคือโคมไฟหน้าได้ทำสีเดี
ยวกับตัวรถและโลโก้ฝาข้างเปลี่ยนมาใช้แบบนูนรูปวงรีโ ดยมีตัวอักษรSR
อยู่ตรงกลางเป็นแบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบันและเบาะหนัง ด้านบนเป็นสีน้ำตาลตัดกับด้านล่างสีดำ

- ปี1993
ปีนี้เท่าที่ดูจากภายนอกแล้วแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปล ง ลวดลายจะเหมือนปี 1991 

- ปี1995
ปีนี้ออกรุ่นSPECIAL EDITION ครั้งที่ 2 แต่ทำออกมาเฉพาะรุ่น400S เท่านั้น (ปีนี้ไม่ผลิตรุ่น 500)
แต่รุ่นนี้ไม่เหมือนกับรุ่นSPECIAL EDITION รุ่นแรกก้อตรงที่โคมไฟหน้าเป็นแบบชุบโครเมี่ยมทั้งหม
ดจุดเด่นที่เห็นชัดคือเสื้อสูบและฝาวาล์วเป็นสีทองอ่ อน (ตัวผมเองยังไม่สามารถหาข้อมูลของรุ่นSPECIAL
EDITION ได้เท่าที่ควรจะเห็นที่แตกต่างชัดเจนภายนอกเท่านั้นส
่วนระบบภายในเครื่องยนต์หรือระบบไฟยังไม่มีข้อมูลตรง นี้)


- ปี1996
ปีนี้ผลิตทั้งรุ่น 400 และ 500 มีลวดลายที่แตกต่างและปีนี้เริ่มมีการตอกเลขเครื่อง(2H6
xxxxxx)สำหรับรุ่น400 ส่วนรุ่น 500 ได้ออกเป็นรุ่นGLITTERING BLACK
เน้นสีดำเป็นโทนสีหลักซึ่งลวดลายจะไม่เหมือนกับรุ่น 400

- ปี1998
ครบรอบ 20 ปีของSR ในปีนี้YAMAHA จึงได้ผลิตรุ่น 20th ANNIVERSARY ทั้งรุ่น 400 และ 500
โดยได้ทำสีสรรลวดลายและโลโก้เหมือนกับปีเกิดคือปี 1978 แต่ต่างกับปี 78
ตรงที่อุปกรณ์จะเป็นของรุ่นใหม่ไม่ว่าจะเป็นดรัมเบรค หน้าคาร์บูเรเทอร์ถังไมล์

- ปี1999
ปีนี้ยังผลิตทั้งรุ่น 400 และ 500 ปรับเปลี่ยนแค่สีสันกับลวดลายนิดหน่อยแต่ลายฝาข้างขอ งรุ่น 500
สวยได้ใจผมจริงๆ


- ปี2000
ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของSR 500 ซึ่งระบบเบรกหน้าเป็นแบบดรัมเบรคหลังจากปีนี้ไปไม่ผล ิตรุ่น 500
แล้วจนถึงปัจจุบันและก็เป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้ระบบเบร กหน้าเป็นดรัมเบรคหลังจากใช้มาเป็นเวลาถึง 15
ปีติดต่อกัน (เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 1985)

- ปี2001
เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างสำหรับรถตระกูลSR
เริ่มที่ฝาถังน้ำมันเปลี่ยนเป็นแบบกลมหมุนเกลียวเปิด ออกได้เลย
(รุ่นเก่าเป็นแบบไขกุญแจแล้วเปิดขึ้นหมุนออกไม่ได้) เลขเครื่องยนต์เปลี่ยนเป็นรหัสใหม่H313E xxxxxx
ซึ่งเครื่องยนต์ตัวนี้มีตัวกรองไอเสียด้วยคาร์บูเรเท
อร์แบบผ้าปั๊มแต่ปีกผีเสื้อย้ายมาอยู่ด้านขวาระบบเบร
กหน้าเป็นแบบดิสค์เบรคโดยจานเบรกจะอยู่ด้านขวาตามสโล แกนคือSR with Disc.
และอย่างที่เกริ่นไว้แล้วคือตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปผล ิตเฉพาะรุ่น 400 เท่านั้น

- ปี2002
ปีนี้ตามแคตตาล็อคจะเห็นว่าลูกสูบเคลือบเทฟล่อนบริเว
ณหัวลูกสูบและถ้าเป็นรถรุ่นที่เป็นถังสีบรอนซ์เครื่อ
งยนต์จะเป็นสีดำตัวนี้น่าจะเป็นความพิเศษของปีนี้ครั บ

- ปี2003
ฉลองครบรอบอีกแล้วครับ 25ปีแล้วปีนี้มีทั้งรุ่นธรรมดาและSPECIAL EDITION มาดูกันว่ามีอะไรพิเศษบ้าง
มาเริ่มที่รุ่นธรรมดากันก่อนเริ่มที่กุญแจฝังไมโครชิ
ปครับสังเกตุที่หน้าจอของไมล์วัดความเร็วครับจะมีไฟร
ูปเครื่องยนต์และรูปกุญแจเพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนตัวน
ี้มีข้อห้ามอย่างนึงคือห้ามเอากุญแจสองดอกมาอยู่ติดก
ันเวลาที่เสียบกุญแจครับระบบมันจะรวนสตาร์ทเครื่องไม
่ได้และอย่าให้มันหายเด็ดขาดครับปีนี้เป็นคาร์บูเรเท อร์ไฟฟ้าเชื่อมต่อกับกล่องควบคุมตัดรอบที่ 8,000
รอบเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับเครื่องยนต์
ต่อไปมาดูรุ่นSPECIAL EDITION กันอุปกรณ์พื้นฐานเหมือนรุ่นธรรมดาเลยครับมีเพิ่มที่
สีสันลวดลายตามรูปเลยครับเบาะสีน้ำตาลแบบเล่นโทนสีอ่
อนแก่และตีฟูกลายขวางโลโก้ฝากระเป๋าข้างระบุชัดเจนคร ับว่าเป็นรุ่นSPECIAL EDITION
เหมือนกับที่แฮนด์ตรงกลางเช่นกันระบุไว้ให้เห็นเด่นช
ัดแผงคอสีดำคาลิปเปอร์เบรกสีดำและสปริงหลังดำแผ่นกัน หินบริเวณใต้เครื่องชุบโครเมี่ยมครับ


- ปี2004
จุดเด่นของปีนี้ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือออกรุ่นสีขาวค รับ(เฟรมดำ)
เป็นปีแรกที่มีสีขาวออกจากโรงงานนับตั้งแต่กำเนิดมาน อกนั้นเหมือนรุ่นปีที่แล้วครับ

- ปี2005
ปีนี้ออกมา 2 รุ่นอีกแล้วครับรุ่นธรรมดาและ SPECIAL EDITION (ครั้งที่4) เรามาเริ่มกันที่
รุ่นธรรมดาก่อนเด่นชัดที่สุดก้อเป็นตัวถังน้ำมันสีแด
งตัดลายขาวสีเฟรมเป็นสีบรอนซ์ครับเป็นครั้งแรกอีกเช่ นกันที่ทำเฟรมสีบรอนซ์
รุ่น SPECIAL EDITION ฉลองYAMAHA มีอายุครบ 50 ปี 50th ANNIVERSARY
ทำสีสันลวดลายย้อนกลับไปเมื่อปีเกิดอีกครั้ง (197 ไมล์เป็นแบบหน้าดำและคาลิปเปอร์เบรกสีดำตามการคาดเดา
ผมคิดว่ารุ่นนี้น่าจะใช้ลูกสูบของรุ่น 500 ด้วยครับ (ไม่มั่นใจเนื่องจากแปลภาษาญี่ปุ่นไม่ได้)

- ปี2006
ปีปัจจุบันออกรุ่น BLACK SPECIAL เป็นรุ่น LIMITED EDITION
ปีนี้มีดีที่สีดำครับมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้างสีสันล
วดลายเน้นสีดำตัดเทาโลโก้ถังน้ำมันเป็นตัวอักษรYAMAH A แบบสติกเกอร์เรียบเช่นเดียวกับฝาข้างใช้SR 400
แบบสติกเกอร์เรียบเช่นกัน
แฮนด์ , ตุ๊กตาแฮนด์ , แผงคอบน , ไมล์ , โช้คอัพหน้า , คาลิปเปอร์เบรก , วงล้ออลูมิเนียมหน้าหลัง ,
ดุมล้อหน้าหลังและเครื่องยนต์ล้วนเป็นสีดำตามคอนเซปต ์ครับ
ส่วนรุ่นธรรมดาก้อยังมีผลิตอยู่แต่ผมยังไม่สามารถหาแ คตตาล็อกได้


ส่วนปี2007นี้เราลองมาดูกันต่อไปครับว่าสายพันธ์นี้ ยังจะมีอะไรที่ออกมายั่วน้ำลายเราได้อีก

เปิดตัวเว็บใหม่ ยามาฮ่า

ข้อดี ข้อเสีย เอสอาร์ 400

ข้อดี.

1.โครงสร้างของรถ แข็งแรง ทนทาน สมบุกสมบัน
2.เครื่องยนต์รักษาง่ายทนทานไม่จุกจิก
3.ความสั่นสะเทือนที่เร้าใจ
4.สามารถตกแต่งออกเป็นหลาย STYEไม่ว่าจะเป็นCAFE' RACER' TRUCKER'
5.ใช้งานทางไกลได้ไม่เหนื่อยนักพละกำลังที่ให้มามีเหลือเฟือ
6.อะไหล่รถบ้านทั่วไปสามารถใช้แทนกันได้บ้าง*ไม่ต้องสั่งตรงรุ่นเพียงอย่างเดียว
7.ของแต่งจากรถรุ่นอื่นๆสามารถดัดแปลงใส่กันได้
8.มีดีไซด์เป็นเอกลักษณ์ คลาสสิคเล็กๆน่าสะสม
9.มีท่านั่งที่สบาย การบังคับเลี้ยวง่ายไม่หมอบจนเกินไป*ในกรณีที่เป็นแฮนด์เดิม

10.บรรทุกของได้เยอะ
11.ราคาไม่แพงเหมาะสมกับสมรรถนะ
12.สามารถขับขี่ได้ทุกสภาพถนน
13.สามารถขับขี่ได้ทุกช่วงอายุ แต่ต้องมีทักษะบ้าง
14.ระบบห้ามล้อมีทั้งดิสและดรัมเบรค
15.ระบบไฟต่างๆมีมาให้ครบครัน


ข้อเสีย.
1.ไม่มีสตาร์ทมือเหมือนรถรุ่นอื่นๆการสตาร์ทต้องมีจังหวะหากผู้ที่สตาร์ทไม่ถูกจังหวะอาจเกิดการบาดเจ็บได้
2.เกิดการสั่นสะเทือนในรอบสูงๆ
3.น้ำหนักตัวรถที่หนักพอสมควร
4.ร้านรับซ่อมโดยตรงมีน้อย
5.ของแต่งบางชิ้นมีราคาสูง
6.รถมีทะเบียนหาค่อนข้างยาก
7.เครื่องมีอุณหภูมิสูง ขี่ไปแล้วร้อนขา
8.อะไหล่บางชิ้นหายากและมีราคาแพง

ลำโพงยามาฮ่า SR400

บรรลุเสียง PA ที่ดีได้ง่ายกว่าที่เคย

ลำโพงยามาฮ่า SR400 Powered เป็น biamplified ระบบ 2 ทางที่มีอำนาจสูงสุด 400W ระเบิดขับรถ 12 "กรวยวูฟเฟอร์และ 1-3/4" เสียงขดลวดควบคุมการบีบอัด ส่วนความถี่สามารถทำได้ก่อนที่จะมีเครื่องขยายเสียงผ่านสายครอสโอเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ระดับการขจัดปัญหากับการสูญเสีย, การบิดเบือนและเฟส อำนาจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีที่สุดเพื่อให้หน่วยต่ำและความถี่สูงสำหรับเรียบสมดุลธรรมชาติในสเปกตรัม ลำโพงยามาฮ่ายอมรับระดับการรับเข้าเล็กน้อยจาก-36dB ถึง 4 เดซิเบลซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งที่มาใด ๆ จากไมโครโฟนเกียร์ระดับสายอาชีพโดยตรง 3 เชื่อมต่อแบบขนานที่มีให้ - 2 เสียบ XLR ชนิดหนึ่งและแจ็คโทรศัพท์ที่สมดุล - ที่สามารถนำมาใช้ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยการผลิตหรือเอาท์พุทแบบขนาน

รถยามาฮ่าลำโพง MSR400 มีการควบคุมระดับการป้อนข้อมูลสำหรับการจับคู่กับแหล่งกำเนิดสัญญาณต่ำและสูงควบคุม EQ และลักษณะที่ปรากฏรอบเงาออกคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของรถแท็กซี่ลำโพงนี้ วางซ้อนกัน, flyable และ polemountable

อย่าลืมที่ปลายด้านล่าง! ซับวูฟเฟอร์ MSR800W ขับเคลื่อน (ขายแยกต่างหาก) คือคู่หูที่สมบูรณ์แบบนี้ลำโพง PA ที่ใช้งาน!

คุณสมบัติ

  • Biamplified ระบบ 2 ทาง
  • พลังระเบิด 400W สูงสุด
  • 12 วูฟเฟอร์กรวย "
  • 1-3/4 เสียงขดลวด "คนขับรถบีบอัด
  • ระดับสายครอสโอเวอร์อิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดการสูญเสียการบิดเบือนเฟส
  • ยอมรับแหล่งที่มาใด ๆ จากไมโครโฟนเกียร์ระดับสาย
  • 3 เชื่อมต่อแบบขนาน
  • ต่ำและสูงควบคุม EQ
  • เพาเวอร์ / คลิปสัญญาณไฟ LED

TEST EXCLUSIF | YAMAHA XMAX 400


สำหรับแนวการตกแต่ง SR400

สำหรับแนวการตกแต่ง SR400 ก็มีหลากหลายรูปแบบ ลองมาดูกันก่อน กับ 4 แนวหลักครับ
1. Custom แนวนี้กระแสมาแรงจริงๆ
2. Cafe Racer
3. Tracker
4. Old Skull, Bobble , RAT
 
1. Custom style 
มารู้จักกับแนวนี้กันก่อน หลายๆคนคงจะงง พอได้ยินคำว่า “แต่งแนวคัสตอมซิขี่สบาย” คัสตอมในแนวแต่งของ Sr ก็คือ
ทรงรถแบบเดิมๆนี่แหละ แต่ยัดของแต่งเข้าไปให้เต็ม เน้นการขี่ที่สบายไม่เมื่อย ยัดของแต่งบ้าง เพื่อความสะใจเล็กน้อยระหว่างทริปของยี่ปุ่นบางคันเนี่ยแต่งกันระดับ HD, Ducati ยังอายเลยครับ
 

ยกตัวอย่างของที่นิยมใส่กันน่ะครับ ไม่มีหลักตายตัวน่ะ เอาแค่คร่าวๆพอ
- แฮนด์ปีกนกทรงเตี้ยแบบกว้างๆ หรือแฮนเดิมๆ ใส่แล้วขี่สบายไม่ปวดเมื่อยหลัง
- ที่นิยมกันสุดๆ คงหนีไม่พ้นท่อกระดก หรือท่อยกแบบ racing เช่น OVER, Yoshimura ฯลฯ บางคนก็ใส่ท่อ trapp ไม่ตายตัวครับ
- สวิงอาร์ม จริงๆแล้วมันได้ทุกแนวเลยน่ะอันเนี่ย แต่สังเกตุยี่ปุ่นจะชอบใส่เพื่อจะใส่ล้อหน้ากว้างๆได้ และเพิ่มความยาวของล้อหลังออกไปครับ
- ล้อ เป็นของแต่งยอดฮิตอีกอัน สำหรับแนวนี้ ล้อซี่ลวดEXCEL หน้ากว้าง , แมก7ก้านเดิม หรือ ล้อแมกของรุ่นใหญ่อย่าง XJR/Ducati หรือรุ่นอื่นๆ
 

2. Cafe Racer Style
มาดูแนวคาเฟ่ กันต่อครับ แนวนี้สะเด็ดได้ใจ หมอบสุดโต่ง หล่อโครตๆครับ แต่เสียอย่างเดียวเมื่อยหลังชิบเลย ของแต่ง ก็ยัดกันตามอัธยาศัยครับ แต่ขาดไม่ได้เลยคือ แฮนด์ต้องหมอบครับ แนวนี้เมื่อก่อนจะออกแนว Vintage แบบจิ๊กโก๋อังกฤษๆเช่น BSA, Norton ,AJS , Triumph ฯลฯ แต่เดี๋ยวนี้ผสมผสานกับของแต่งแนวRacing ก็ดูดีไปอีกแบบครับ รูปแรกจะเป็น คาเฟ่แบบวินเทจของสำนัก Stinky ครับ
 

ของแต่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแนวนี้ครับ
- แฮนด์หมอบ จัดได้ทุกสำนัก ขอให้หมอบไว้ก่อน
- ไฟกระสุนครับ 6,7 นิ้ว อันนี้ของแต่งยอดฮิตของบ้านเราเลย
- เบาะแนวๆซักใบ เบาะเดิมคงหมอบไม่มันส์ครับ ตรูดมันโด่ง
- เกียร์โยง ของแต่งที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยท่าขี่ที่หมอบ มันจะช่วยกระจายน้ำหนักตัวท่านที่จะลงไปที่แขนและหลังให้ลดลง ช่วยให้ลดอาการจี๊ดหลังได้ระดับนึงครับ
 
     รูปด้านบนเป็นอีกแนวของคาเฟ่ครับ เพิ่มความ Vintage + Sport ด้วยชิวหน้า(โม่ง)แบบคลาสสิค สังเกตุดีๆคันนี้ยัดของแต่งผสมผสานกันแนว Racing เยอะเลยครับ ของดีเมือง Hiroshima ครับ หรือคุ้นๆหูหลายคน Dell-sara

คันนี้ก็แบบบ้านๆล่ะตาม standrad cafe style เลยครับ รัก/ชอบแนวนี้ เตรียมตัวให้พร้อมครับ ท่านจะรับรู้ถึงความจี๊ดแผ่นหลังแบบสะท้านหัวใจเลย 

3. Tracker style 
มาดูกันต่อ แนวนี้โหดๆดิบๆดีครับ แนวนี้ผมว่าขี่สบายที่สุดแล้วครับ แฮนด์สูงพอดีๆ กางออกกว้างๆ ควบคุมรถได้ง่าย เที่ยวไกลสบายครับ
 
เอกลักษณ์ของแนว Tracker นี้
- แฮนด์ ปีกนกกว้างๆ ยอดนิยมก็ Daytona ครับ ของจีนก็เยอะ ไม่แพงด้วย
- เบาะตูดสั้นๆ บางๆ บังเป็นตัวหนอน ดุไปอีกแบบ
- บังโคลนสั้นจุ๋ง ทั้งหน้าและหลัง พร้อม Offroad ได้ระดับนึง แต่เจอฝนล่ะร้องจ๊ากเลย
- ไฟหน้า กระสุนเล็ก 5.5 นิ้ว ไฟท้านดวงจิ๋ว นั้นล่ะเค้าล่ะ
- ลายยาง อันนี้เป็นไฮท์ไลท์เลย ดอกบั้งๆ แบบ offroad รุ่นยอดนิยม Dunlop K180 ตามรูปด้านบนเลย
- อันนี้แล้วแต่จะชอบครับ บางคันใส่ถังแต่งเล็กๆ หรือถังเดิมๆก็ไม่ผิดกติกาครับผม
- อันนี้ก็ขาดไม่ได้เช่นกัน ท่อลอดท้องโหดๆซักใบ Super Trapp เจ้าแห่งท่อเลยครับ 

4. OLD Skull , Bobble ,RAT 
แนวนี้กระแสก็มาแรงไม่น้อยเลยครับ
 

Old skull (จริงๆไอ้คนคิดคำนี้ ความหมายมันคืออะไรก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เอาเป็นว่ารู้กัน) นิยามที่ผมเข้าใจคือ แฮนด์โหน ตรูดต่ำครับ
- แน่นอนแนวนี้ต้องแฮนด์โหนนิดนึง แล้วแต่ท่านจะดีไชด์รูปทรงครับ
- ต้องมีดัดเฟรม ห้อยตรูดกันล่ะ
- คานแข็ง หรือ โช็คสั้นกว่าคืบ
- ล้อหน้าขอบโต วงเล็กๆ
- ล้อหลังยังกะยางรถไถ อิอิ
- ท่อ ไม่ต้องมีปลายครับ แต่เล่นดัดเอาทรง
 
ต่อมาเป็นแนวอื่นๆ RAT , Bobble อันนี้ผมเองก็ไม่เข้าใจนิยามเหมือนกัน แต่อันหลังนี้ ล้อหน้าจะโตๆเท่าๆล้อหลัง แฮนด์ปีกนกทรงต่ำ ท้ายต่ำเช่นกัน แนวนี้มันน่าจะขี่มันน่ะครับ ว่าแล้วอยากลอง

     คงหมดแล้วสำหรับ 4 แนวแต่งหลักๆที่นิยมในบ้านเราน่ะครับ แต่ถึงอย่างไงมันก็ไม่มีหลักตายตัวในการแต่งรถครับผม เพราะรถแต่ล่ะคัน มันจะสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้ขี่หรือเจ้าของครับ เพราะฉนั้นรถเราเอง เงินเราเอง อยากทำอะไรจัดไปครับ อย่าไปแคร์สื่อ
บทความดีๆจาก http://kittithat001.wordpress.com
ต้องขอบอกว่าในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก ลักษณะของถังน้ำมัน,ฝาถังและโลโก้ข้างถังยังเป็นแบบเ ดิม และลวดลายถังก้อยังเหมือนกับปี79 แต่ปีนี้ผลิตแต่รุ่น400 ออกมาใหม่เท่านั้น (ไม่มีรุ่น500) ส่วนโลโก้ฝาข้างเป็นแบบเรียบเหมือนเดิม โดยมีตัวอักษรคำว่า SR400 อยู่ในแนวเดียวกันเหมือนปี78 ระบบเบรคหน้ายังเป็นดิสค์เหมือนเดิมเช่นกัน ปีนี้ไม่มีฝาหลังมีแต่มือจับ แผงไฟทับทิมสีส้มที่บริเวณด้านข้างของแผงคอล่างจะมีตั้งแต่ปี78จนถึงปีนี้